12 minutes Reading
ใบฟ้า – แอปช่วยจัดตารางเรียน
เรียนไปปีสามแล้ว เหลืออีกปีเดียวจะจบ แต่ยังเรียนไม่ครบเลย ทำไงดี?
หมายเหตุ
โปรเจคนี้กำลังอยู่ในระหว่างการจัดทำนะครับ
เคยไหมครับที่เรียนไปสองปีแล้ว เหลืออีกสองปีก็จะเรียนจบ แต่ยังไม่รู้เลยว่าเราเรียนอะไรไปแล้วบ้าง เราเหลืออะไรที่ยังต้องเรียนอีก ยังลงได้อีกกี่หน่วยกิต วิชาบังคับเอกเรียนครบหรือยัง และคำถามอื่น ๆ ตามมากันหมด
หลายคนอาจจะแก้ปัญหานี้ด้วยการเปิดหลักสูตรของตัวเองดู แล้วจดลงว่าต้องเรียนอะไรบ้าง ลิสต์ไว้ในโน๊ตหรืออื่น ๆ แต่มันจะดีกว่าไหม หากเพียงเราแค่กรอกรหัสนิสิตของตัวเอง ก็สามารถเลือกดูได้เลยว่าเราลงทะเบียนอะไรไปแล้วบ้าง
สวัสดีครับ เทรุนะครับ พบกันอีกแล้ว ในครั้งนี้ ผมจะมานำเสนอโปรเจคแก้ปัญหาตามที่ผมได้พูดไปข้างต้นครับ โดยก่อนที่เราจะได้ไอเดียนี้ ผมกับปอม (เพื่อนไม่สะดวกเปิดเผยตัวตนครับ) อยากทำโปรเจค UX สักโปรเจค แล้วมานั่งคิดถึงปัญหาที่เราเจอในชีวิตประจำวัน และเราอยากแก้ไขหรือทำให้สะดวกขึ้น ปอมจึงเสนอไอเดียเรื่องแอปตัวช่วยการลงทะเบียนเรียนมาครับ
ก่อนอื่นเราจะพาไปรู้จักกับหลักสูตรของคณะเรากันก่อนนะครับ
ว่าด้วยเรื่องหลักสูตร
แต่ละหลักสูตร แต่ละเอกก็มีวิชาบังคับเอก วิชาเลือกเอก วิชาบังคับโท วิชาเลือกโท แตกต่างกันออกไป ซึ่งฟังมาถึงตอนนี้ อาจจะดูว่าอะไรหลายอย่างมันวุ่นวายใช่ไหมครับ คำตอบคือใช่ครับ ลองดูภาพด้านล่างอาจจะพอช่วยให้เข้าใจมากขึ้นครับ
ตารางหลักสูตรอักษรศาสตร์บัณฑิต ปี 2561 (https://www.arts.chula.ac.th/th/ba-education/ba-2561/)
ที่พวกเราต้องเรียนก็จะประมาณนี้ครับ หลาย ๆ คนเข้ามาเรียนใหม่ ๆ ก็อาจจะแพลนไว้เลยว่าเทอมนี้จะเรียนอะไร ๆ แต่บางคนก็ไม่ได้แพลนไว้แต่แรกครับ ลงเรียนตามเพื่อนไปก่อนก็มี หรือบางคน (ผมเอง) มารู้ตัวว่าอยู่ปี 3 แล้วแต่ยังไม่ได้เรียนวิชา GenEd อีกหลายหมวด GenLang ก็ยังไม่ได้เรียนเลยครับ
ด้วยเหตุดังกล่าว ทำให้ผมต้องมานั่งจัดตารางหลักสูตรของตัวเองใหม่ กลายเป็นว่าต้องมาเรียนหนัก ๆ ในปีท้าย ๆ เพราะตัวเองไม่ได้แพลนการเรียนไว้
เจอปัญหาแล้ว เรามาหาวิธีแก้กันไหม?
หน้าเว็บไซต์ CU Get Reg
ผมรู้สึกว่าไอเดียของปอมมันว้าวมาก เลยอยากนำมาทำเป็นโปรเจค UX ครับ ด้วยความที่ปอมเคยผ่านประสบการณ์การเรียนเกี่ยวกับวิชา UX ของในคณะแล้ว ผมรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะทำ product อันนี้ออกมาเพื่อแก้ปัญหาให้กับนิสิตอักษรครับ หากในอนาคตเราทำกับนิสิตอักษรก่อนแล้วเทส แล้วมันเวิค เราอาจจะนำอันนี้ต่อยอดไปในระดับมหาลัยได้ครับ
ทำไมต้องชื่อแอป ใบฟ้า?
ใบฟ้าคือ ใบสีฟ้าที่นิสิตอักษรต้องไปกรอกข้อมูลว่าเราเรียนอะไรไปแล้วบ้างในแต่ละเทอมเทอมกับที่ปรึกษาของเราครับ พอเรานึกไอเดียการกรอกแบบฟอร์มอันนี้มา เราก็ขอยืมชื่อมาใช้ก่อนแล้วกัน ประมาณนี้ครับ😂
มาเริ่ม ux design process กัน
process ที่เรารู้ ๆ ในการทำงาน ux กันก็คือ เริ่มที่ empathize define ideate prototype test ประมาณนี้ใช่ไหมครับ เราก็ใช้ design thinking framework นี้มาปรับใช้กับงานของเรากันครับ อีกทั้งในแต่ละกระบวนการยังมีรายละเอียดปลีกย่อยลงไปอีก
ภาพจาก Interaction Design Foundation : Design Thinking
อย่าลืมอีกหนึ่งข้อที่ว่า ตัว framework นี้ไม่ได้ทำเป็นสเตปแล้วจบ มันเป็นกระบวนการที่ทำวน ๆ บางทีเราอาจจะได้ข้อมูลมาแล้ว มา define ปัญหาได้แล้ว ได้ไอเดียแล้ว ในระหว่างกระบวนการนี้ ตอนที่เรากำลังคิดไอเดีย เราอาจจะลืมเก็บข้อมูลบางอย่างจาก user เราก็อาจจะจำเป็นต้องกลับไปเก็บข้อมูลเพิ่มเติม หรือ เราทำ prototype แล้ว เอาไปให้ user เทส ไม่ว่าจะวิธีไหน แต่ตอนเทสเจอปัญหา เราก็อาจจะต้องวนกลับมานั่งดูปัญหานั้น และ ปรับ ๆ กันต่อไป ดังนั้นเราจะเห็นได้ว่า design thinking อันนี้มันทำซ้ำ ๆ ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้ final product ออกมาได้ดีที่สุด
หลังจากเราพบปัญหาแล้วและเราก็รู้แล้วว่า user เราคือใคร ดังนั้น เริ่มทำความรู้จักกับ User ของเราเพิ่มเติมกันดีกว่าไหมครับ
UX Research เริ่ม!
เรารู้ user ของเราแล้วว่าเป็นเด็กอักษรฯ ที่จะต้องมาใช้แอปของเรา เราก็ลงมือเก็บข้อมูลครับ ในการ research ก็ทำการสัมภาษณ์ครับ เราได้นิสิตอักษรหลากหลายชั้นปี มีเรียนคนละหลักสูตร แรก ๆ ก็สัมภาษณ์เพื่อนตัวเอง คนรู้จัก คนในคณะนี่แหละครับ การที่เราได้ข้อมูลที่หลากหลาย เก็บข้อมูลมาได้ประมาณ 11 คนครับในขั้นแรก แต่ละคนก็สัมภาษณ์เฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 15 นาที ครับ
เนื่องจากเราสัมภาษณ์แบบทางโทรศัพท์ ทำให้เราอาจจะไม่รู้ในเรื่องของความรู้สึก หรือ สีหน้าท่าทางระหว่างที่สัมภาษณ์ครับ
ในการสัมภาษณ์ก็ได้ถามเรื่องทั่วไปเช่นเป็นนิสิตอักษร ปีไหน หลักสูตรอะไร หลังจากนั้นถามเรื่องการวางแผนการเรียนครับ ถามเรื่องวิธีการวางแผน หรือมีเครื่องมือที่ใช้ไหม หลังจากนั้นก็ถามเจาะเรื่อย ๆ ครับ
แต่ที่ต้องระวังในการสัมภาษณ์เลยคือเรื่อง bias ครับ เวลาเราคิดคำถามอะไร บางทีเราเองก็อาจไม่รู้ตัวว่าคำถามที่เราถามไปนั้นมีไบแอสปนอยู่ไหม ดังนั้นผมจะวาง outline คำถามไว้ครับว่าจะถามประมาณไหน ๆ และให้เขาเล่ามาเท่าที่เขาอยากเล่า ปล่อยให้เขาเล่า เราก็เก็บข้อมูลครับ
การถามเรื่องชอบหรือไม่ชอบ หรือคำถาม yes/no บางทีก็อาจจะต้องระวังครับ การถามแบบนี้ไม่ใช่คำถามที่ถามแล้วจบ ควรถามถึงเหตุผลที่เขาให้มาและนำมาวิเคราะห์ครับ ตัวคำถามชอบหรือไม่ชอบนี่ ผมว่าเป็นคำถามที่น่าระวังเรื่องไบแอสครับ เราต้องคำนึงถึงบริบทในตอนนั้นที่ถาม user ด้วยว่าเขาคิดอะไรยังไง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดไปแอสไปโดยที่เราอาจจะไม่รู้ตัวครับ
ผลลัพธ์ที่ได้จากการสัมภาษณ์
อีกทั้งยังพบว่าเครื่องมือที่แต่ละคนใช้วางแผนนั้นมีหลากหลาย ตั้งแต่กระดาษ ยันใช้แอปพลิเคชั่น CUGetReg (แอปวางแผนตารางเรียนแบบเป็นเทอมของนิสิตจุฬา) อีกทั้งยังได้เห็นปัจจัย และ สภาพแวดล้อมที่มีผลต่อการตัดสินใจลงทะเบียนเรียนในแต่ละเทอม ๆ ของ user แต่ละคนด้วยครับ
จริง ๆ ข้อมูลการสัมภาษณ์ตอนนี้เราเก็บมาได้ 11 คน จากที่ตั้งเป้าหมายไว้ 15 คน แต่ก็รู้สึกว่าข้อมูลตอนนี้ค่อนข้างเพียงพอ เพราะการทำ research โดยการสัมภาษณ์มี cost ทั้งฝั่ง user และฝั่งเราด้วยครับ
ได้ข้อมูลแล้วทำไรต่อ?
เพิ่มเติมจากฝั่งผม
ภาพ storyboard ที่ผมเขียนลองเล่น ๆ
ตัวอย่าง storyboard ทั้งแบบ big-picture และ close up ที่ผมลองวาดเล่น ๆ ดูครับ ในพาร์ทหน้า หากโปรเจคคืบหน้าแล้วผมจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ
ทั้งนี้ต้องขอบคุณปอมด้วยที่มาร่วมงานกันครับ และหวังว่าจะได้มาเล่าให้ทุกคนฟังเร็ว ๆ นี้นะครับ 🤩
Reference
คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. หลักสูตรปรับปรุง พ.ศ. 2561
Get this reference →CU Get Reg
Get this reference →Hunt, R. (2023, March 29). What is the UX Design Process? 5 Steps to Success. Interaction Design Foundation - IxDF.
Get this reference →