Image from @dhanavadh

10 minutes Reading

รีวิวไปแลกเปลี่ยนที่โอซาก้า 2025

แลกเปลี่ยนที่โอซาก้าในปี 2025 เปิดโลกผมให้กว้างขึ้น มาฟังเรื่องของผมกันครับ

สวัสดีครับ เทรุนะครับ ช่วงที่เดือนที่ผ่านมานั้น ผมได้ไปแลกเปลี่ยนที่ โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่นมาครับ ครั้งนี้เลยอยากมาแชร์ว่าตลอดระยะเวลาที่ไปแลกเปลี่ยนได้ทำอะไรไปบ้างครับ

ช่วงที่ไปก็ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ ถึงปลายเดือนมีนาคมครับ ถึงจะดูเป็นระยะเวลาสั้น ๆ แต่ก็ได้เจออะไรเยอะแยะเลยครับ

โครงการที่ผมไปนั้นเป็นของ Japan Foundation ครับ ชื่อโครงการคือ 令和6年度カウンターパート学習者訪日研修(大学生・冬)ครับ หลาย ๆ คนอาจจะนึกว่าไปแลกเปลี่ยนในครั้งนี้คือไปเรียนภาษาอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้วนั้นคือ ได้ไปเที่ยวค่อนข้างเยอะเลยครับ

โปรแกรมนี้เน้นฝึกภาษา?

จุดประสงค์ของโปรแกรมที่ผมเข้าร่วมในครั้งนี้คือ จะเป็นการฝึกการสื่อสารมากกว่าที่เราจะไปท่องไวยากรณ์เรียนคำศัพท์ครับ แต่จะเป็นการทำงานกลุ่มกับผู้เข้าร่วมที่มาจากประเทศอื่น ๆ โดยใช้ภาษาญี่ปุ่นในการสื่อสารครับ นอกจากทำกิจกรรมกับผู้เช้าร่วมคนอื่นในห้องเรียนแล้วนั้น ยังได้ไปทัศนศึกษานอกสถานที่ ได้ไปเที่ยวเป็นกลุ่มกับเพื่อน ๆ ที่เข้าร่วมโปรแกรมนี้ ถือว่าค่อนข้างสนุกมากเลยทีเดียวครับ

เตรียมตัวก่อนไปฮิโรชิมะ

เรียนภาษาผ่าน SDGs?

ตอนที่มาช่วงแรก ๆ เห็นว่าธีมของโปรแกรมนี้จะเน้นเกี่ยวกับ SDGs ตอนแรกที่ได้ยินคิดว่าค่อนข้างน่าเบื่อ แต่พอเรียนจนครบโปรแกรมแล้ว ตัวผมกลับรู้สึกว้าวมากกับสิ่งที่ได้เรียนไป SDGs มันไม่ใช่แค่เป้าหมายอะไรธรรมดา ๆ มันอยู่รอบตัวเราหมด แต่มันอยู่ที่ว่าเราจะเข้าใจและนำมาปรับใช้กับชีวิตได้อย่างไร

Hiroshima Peace Memorial Park

นอกจากเรียน SDGs ในห้องเรียนแล้วนั้น ทางโครงการได้ให้เราไปศึกษาในพื้นที่จริงด้วยครับ ทั้งได้ไปเจอโฮสต์แฟมิลี่ ไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อดูปัญหา Overtourism หรือพาไปดูโรงเรียนประถมเพื่อศึกษาการเรียนความเป็นอยู่ อาหารการกินของเด็ก ๆ ครับ

Kokuyo Hows Park

ด้วยธีมหลักของเราคือ SDGs ตอนใกล้จะจบโปรแกรมเราก็จะต้องนำเสนอโปรเจคที่เราค้นคว้าระหว่างเข้าร่วมโปรแกรมครับ สำหรับกลุ่มผมนั้น ได้เลือกเรื่อง Universal Design ที่อยู่ในสถานีรถไฟครับ ไว้เดี๋ยวผมมาเล่าแบบละเอียด ๆ ในบทความถัด ๆ ไปนะครับ

ชีวิตการเป็นอยู่เป็นอย่างไรบ้าง?

ชีวิตการเป็นอยู่ ถ้าพูดสั้น ๆ คือ ค่าครองชีพค่อนข้างแพงครับ ปกติที่โครงการนี้เขาจะออกทุกอย่างให้ครับทั้งค่ากินอยู่ หอพัก ตั๋วเดินทาง เราเสียแค่ค่าทำวีซ่าครับ ซึ่งวีซ่าก็สามารถขอได้ฟรีครับ สำหรับตอนที่ผมสมัครไป (ธันวาคม 2024) ที่พักค่อนข้างดีมากครับ ได้อยู่คนเดียว โรงอาหารก็มี คูปองอาหารเช้ากลางวันเย็นมีให้ครบครับ

นี่คือวิวจากห้องพักผมครับ พระอาทิตย์ตกสวยมาก✨

แต่เมื่อพูดถึงตอนที่เราใช้ชีวิตในวันหยุด แน่นอนสำหรับผมคือเข้าในเมืองบ่อยมากครับ (ไป Umeda ครับ) ค่ารถไฟจากที่พักไปถึงอุเมดะไปกลับก็ประมาณสองพันเยน ถือว่าค่อนข้างแพงทีเดียวครับสำหรับการเข้าเมืองต่อครั้งครับ หากใครที่จะไปและมีแพลนจะเข้าเมืองบ่อย ๆ อย่างผมไปทุกวันหลังเลิกเรียน แนะนำว่าให้ซื้อ 定期券 ไว้จะดีกว่าครับ

Grand Green Osaka Umekita

ชีวิตในวันหยุด

วันหยุดส่วนใหญ่คือผมจะเข้าอุเมดะตลอดครับ 555 เพราะที่ที่ผมอยู่ไม่มีอะไรเลยครับ อยู่แถว Rinku Town ซึ่งมีแต่เอ้าเลต ครับ นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแล้ว ผมเลยเลือกที่จะเข้าเมืองบ่อย ๆ ครับ 5555

อันนี้นอกเรื่องหน่อยนึงครับ อุเมดะใหญ่มาก ใหญ่กว่าสยามน่าจะประมาณสองสามเท่าก็ว่าได้ 5555

Chayamachi – Umeda, Osaka

เรียนไปแปปๆก็จะต้องกลับแล้ว😭

44 วันสำหรับผมถือว่ากำลังพอดีครับ แต่พอช่วงที่ใกล้จะกลับเราก็สนิทกับเพื่อน ๆ มากขึ้น พอจะกลับประเทศนั้นกลายเป็นรู้สึกเหงานิด ๆ ที่จะไม่ได้เจอเพื่อน ๆ เหมือนเดิมแล้ว ก็ค่อนข้างเศร้าเหมือนกันครับ แต่ชีวิตเราก็ต้องดำเนินต่อ 555 สักวันอาจจะมีโอกาสได้พบกัน

วันสุดท้ายที่ต้องกลับไทย

สำหรับโปรแกรมนี้ ผมรู้สึกดีใจมากที่ได้มา เพราะมันทำให้ผมได้เจออะไรใหม่ ๆ ค่อนข้างเยอะเลยครับ และผมมีเรื่องอยากเล่าอีกมากมาย ไว้ผมจะมาเล่าในพาร์ทถัด ๆ ไปนะครับ🥳

Crafted by

writer-img

Dhanavadh Saito

@dhanavadh